หน้า 7 หลัง 7 คืออะไรทำไมหนุ่มๆต้องรู้?
หน้า 7 หลัง 7 คือ การนับระยะปลอดภัยในการคุมกำเนิด เนื่องจากเป็นช่วงที่ผู้หญิงมีโอกาสเกิดการตกไข่ต่ำกว่าช่วงอื่น ส่วนสาวๆที่มีรอบเดือนมาไม่ปกติหรือมาไม่สม่ำเสมอ ไม่ควรใช้วิธีการนับหน้า 7 หลัง 7 เพราะอาจมีความคาดเคลื่อนได้ครับ รวมถึงอาจทำให้ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ได้โดยไม่มีการเตรียมตัว จึงทำให้การนับระยะปลอดภัยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำความเข้าใจช่วงรอบประจำเดือนว่าประจำเดือนมาเมื่อไร ช่วงการตกไข่อยู่ช่วงไหน เพื่อวางแผนตั้งครรภ์ และคุมกำเนิดนั่นเองครับ
การนับระยะปลอดภัยทั้ง 5 ประการ
การนับระยะปลอดภัยในการมีเพศสัมพันธ์ เป็นอีกหนึ่งวิธีการคุมกำเนิดแบบธรรมชาติช่วยให้รู้ว่าช่วงใดที่ร่างกายของสาวๆมีโอกาสตั้งครรภ์น้อยที่สุด โดยมีดั้งนี้
- การนับวัน (Calendar Method/Calendar Rhythm Method)
วิธีนี้ช่วยคาดคะเนช่วงเวลาไข่ตกหรือช่วงเวลาที่ร่างกายพร้อมเจริญพันธุ์ โดยพิจารณาจากบันทึกติดตามช่วงรอบเดือนที่ผ่านมา เหมาะกับผู้ที่ประจำเดือนมาสม่ำเสมอนะครับ
- การกำหนดระยะเวลาเจริญพันธุ์ (Standard Days Method: SDM)
วิธีนี้จะระบุช่วงเวลาที่ร่างกายพร้อมตั้งครรภ์มาอย่างชัดเจน คือวันที่ 8-19 ของช่วงรอบเดือน โดยการกำหนดระยะเวลาเจริญพันธุ์เหมาะแก่ผู้ที่มีช่วงรอบเดือนอยู่ระหว่าง 26-32 วัน อย่างสม่ำเสมอทุกเดือนนะครับ
- การดูมูกหรือสารคัดหลั่งจากปากมดลูก (Cervical Mucus Method)
วิธีนี้ใช้การสังเกตช่วงเวลาเจริญพันธุ์จากลักษณะสารคัดหลั่งของปากมดลูก ซึ่งช่วงก่อนไข่ตกจะมีมูกมาก และมีลักษณะเป็นสายสีใส และหลังไข่ตกจะมีปริมาณมูกน้อย มีลักษณะข้นและเหนียว ผู้ที่ใช้วิธีนี้ควรระวังเรื่องการใช้ยา ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ หรือปัจจัยที่อาจส่งผลต่อลักษณะของมูก
- การวัดอุณหภูมิร่างกาย (Basal Body Temperature Method)
วิธีนี้จะวัดอุณหภูมิร่างกายหลังจากที่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ครับ ซึ่งควรวัดอุณหภูมิร่างกายทุกครั้งหลังตื่นนอนทันที ก่อนไข่ตกในแต่ละช่วงรอบเดือนนั้นอุณหภูมิร่างกายจะลดลง และเมื่อไข่ตกแล้ว อุณหภูมิจะสูงขึ้น ช่วงเวลาที่ร่างกายพร้อมเจริญพันธุ์มากที่สุดคือช่วง 2-3 วันก่อนอุณหภูมิร่างกายจะพุ่งขึ้น อย่างไรก็ตามไม่ควรทำช่วงที่ป่วยหรือเป็นไข้ครับ เนื่องจากจะทำให้ไม่เห็นผลครับ
- การสังเกตอาการร่วมกับตรวจอุณหภูมิ (Sympothermal Method)
วิธีนี้จะใช้การนับระยะปลอดภัยทุกวิธีร่วมกันทั้งหมด เพื่อหาช่วงเวลาที่ร่างกายพร้อมเจริญพันธุ์มากที่สุด โดยต้องวัดอุณหภูมิร่างกายทุกครั้ง พร้อมดูลักษณะมูกจากปากมดลูกและตรวจฮอร์โมนอีกทั้งสังเกตสัญญาณของเวลาไข่ตก เช่น คัดหน้าอก ปวดท้อง หรืออารมณ์แปรปรวน เป็นต้นครับ