ฉีดซิลิโคนเหลว สารแปลกปลอม เพิ่มขนาดอันตรายกว่าที่คิด
“น้องชายเล็ก” เป็นวลีที่หนุ่ม ๆ ได้ยินเบา ๆ ก็รู้สึกเจ็บหรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นปมด้อยของผู้ชายเลยก็ว่าได้ เพราะเรื่องขนาดนั้นมีความจำเป็นในเรื่องของกิจกรรมเข้าจังหวะกับคู่รักของตัวเอง ส่งผลให้หนุ่มๆ ที่มีขนาดเจ้าโลกเล็กเริ่มคิดค้นหาวิธีการเพิ่มขนาดน้องชายให้ใหญ่ขึ้นด้วยวิธีการผิด ๆ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการทำหัตถการนั้นไม่แพง สามารถทำได้เอง ให้ผลลัพธ์ทันที แต่ปลอดภัยหรือไม่นั้น ไม่ได้คำนึงถึง ส่วนใหญ่มีแนวคิดว่า ขนาดใหญ่ทันใจก็คือโอเค ตัดสินใจฉีดซิลโคนเหลว เพิ่มขนาดหรือสารแปลกปลอมเข้าสู่อวัยงะเพศ แม้จะเป็นวิธีที่อันตรายก็ตาม
อันตรายที่ว่านั้นไม่ว่าจะเป็นการอักเสบ ปวดบวม เป็นหนอง สำหรับกรณีที่ร้านแรงก็คืออวัยวะเพศเน่า จำเป็นต้องทำการผ่าตัดเพื่อแก้ไขน้องชายใหม่ คนไข้บางรายที่โชคดีหลังจากแก้ไขแล้วก็สามารถกลับมาใช้งานน้องชายได้ แต่สำหรับบางคนที่โชคร้ายก็ไม่สามารถใช้งานน้องชายได้อีกต่อไป
ดังนั้นหากต้องการเพิ่มขนาดน้องชายให้ใหญ่ขึ้น ยั่งยืน แฝงไปด้วยความปลอดภัย ควรตัดสินใจเลือกเพิ่มขนาดกับศัลยแพทย์เฉพาะทางที่มากประสบการณ์ ยอมเสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเล็กน้อย เพื่อผลลัพธ์ที่พึงพอใจนะคะ
เพิ่มขนาดโดยการฉีดสารแปลกปลอมคืออะไร
เนื่องจากการฉีดสารแปลกปลอมสามารถทำได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด ส่งผลให้เหล่าวัยรุ่นชายที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์หันมาใช้น้ำมันจิ้งเหลน น้ำมันมะกอก หรือเพนนิซิลินมาใช้ฉีดเข้าไปบริเวณน้องชายเพื่อเพิ่มขนาดกันอย่างมาก เนื่องจากหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป ทั้งนี้ต้องขอบอกก่อนเลยว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนั้นไม่ได้ถูกผลิตขึ้นมาสำหรับฉีดเข้าไปในร่างกายนะคะ
ส่งผลให้หลังจากที่ฉีดเข้าไปให้น้องชายแล้ว เกิดการอักเสบติดเชื้อบริเวณอวัยวะเพศ หากปล่อยไว้นานไป เนื้อเยื่อบริเวณน้องชายตายจะกลายเป็นปัญหาใหญ่บางรายอาจรุนแรงถึงขั้นต้องตัดอวัยวะเพศ ดังนั้นหากต้องการเพิ่มขนาดอวัยวะเพศ แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์ เพื่อการเพิ่มขนาดที่ปลอดภัยจะดีกว่าค่ะ
ความเสี่ยงของการฉีดสารแปลกปลอม
1.อักเสบติดเชื้อ
สามารถแบ่งออกได้ช่วงช่วงค่ะ
- ช่วงแรก ติดเชื้อทันที โดยจะสังเกตุได้ว่ามีอาการบวมแดง ต้องใช้ยาอักเสบในการรักษา ส่วนใหญ่แล้วอาการจะดีขึ้นหากเกิดการอักเสบไม่มาก
- ช่วงสอง ติดเชื้อภายหลัง สังเกตุได้จากผิวหนังขาดความยืดหยุ่นและหนาผิดปกติ ในขณะที่กำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะ เกิดการเสียดสีกับช่องคลอดจะถลอก ลุกลามกลายเป็นแผล และหายช้า เนื่องจากบริเวณที่ฉีดน้ำมันมะกอกเข้าไปนั้นมีเลือดเข้ามาหล่อเลี้ยงค่อนข้างน้อยมาก ส่งผลให้การหายตัวของแผลนั้นเป็นไปได้ช้ากว่าปกติ จำเป็นต้องงดกิจกรรมร่วมเพศจนกว่าแผลจะหายค่ะ
- ช่วงที่สาม ติดเชื้อเรื้อรัง ช่วงนี้อันตรายมากเลยนะคะ เพราะหากติดเชื้อเป็นระยะเวลานาน อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็ง
2.พังผืดรอบอวัยวะเพศ ผิวหนังรอบอวัยวะเพศหนาตัวมากขึ้นไม่นิ่มเหมือนเดิม แถมยังขาดความยืดหยุ่น ถึงแม้ว่าอวัยวะเพศจะมีขนาดใหญ่ขึ้น แต่จะมีลักษณะเป็นก้อน บางรายอาจเป็นก้อนใหญ่มากจนไม่สามารถสอดใส่เข้าไปในน้องสาวได้เลยค่ะ
3.ความสุขทางเพศลดลง ตรงนี้นับว่าเป็นปัญหาที่ค่อนข้างหน้าหนักใจเลยก็ว่าได้ เหตุเกิดจากการที่ผิวหนังบริเวณน้องชายเปลี่ยนไป จากผิวที่เคยนิ่มเปลี่ยนเป็นผิวที่หนาทำให้การรับความรู้สึกน้อยลงกว่าเดิมค่ะ
4.คู่รักมักรู้สึกเจ็บปวดขณะร่วมรัก
5.สารบางชนิดที่ฉีดเข้าไปบริเวณอวัยวะเพศอาจไหลไปยังหัวเหน่าและถุงอัณฑะ ให้เกิดก้อนเเข็งๆ บริเวณดังกล่าว
6.การใช้ชีวิตร่วมกับคนหมู่มาก เนื่องจากอวัยวะเพศที่ผิดรูป ส่งผลให้เวลาปัสสาวะในห้องน้ำสาธารณะ ต้องหลบซ่อนไม่ให้ใครเห็น รู้สึกว่าปัญหาในข้อนี้น่าเห็นใจไม่น้อยเลยนะคะ
7.การเสียดสีขณะทำกิจกรรมเข้าจังหวะทำให้เกิดแผลถลอก ไร้ความสุขขณะร่วมรักนั่นเอง
เทคนิคการผ่าตัดเพื่อแก้ไขอวัยวะเพศที่ผิดรูปจากการฉีดสารแปลกปลอม
การพิจารณาเลือกเทคนิคที่ใช้สำหรับรักษาขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายในการเอาสิ่งแปลกปลอมออก และปริมาณของสิ่งแปลกปลอมที่ฉีดบริเวณอัณฑะ ในหัวข้อนี้จะพาไปทำความรู้จักเทคนิคต่าง ๆ ที่ใช้ในการทำหัตถการ จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูพร้อมกันเลยค่ะ
เทคนิคที่ 1 การตัดผิวหนังบางส่วน
สำหรับคนไข้ที่ฉีดสารแปลกปลอมไม่มาก หรือฉีดบริเวณปลายหนังหุ้ม ศัลยแพทย์จะเปิดผิวหนังส่วนปลายแล้วเข้าไปตัดส่วนที่เป็นสารแปลกปลอมออก ลักษณะการผ่าตัดนั้นจะคล้าย ๆ กับการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศนั่นเองค่ะ แต่เทคนิคนี้ก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกันนะคะ หากมีสิ่งแปลกปลอมคกค้างอยู่ อาจต้องกลับเข้ามาเพื่อผ่าตัดแก้ไขอีกรอบได้นั่นเองค่ะ
เทคนิคที่ 2 การตัดผิวหนังออกทั้งหมด
ศัลยแพทย์จะเริ่มตัดผิวหนังตั้งแต่โคนจนถึงปลายอวัยวะเพศออกทั้งหมดค่ะ เพระาสารแปลกปลอมกระจายไปทั่วทุกพื้นผิว ดังนั้นการตัดเอาผิวหนังออกทั้งหมดจึงเป็นวิธีเดียวที่สามารถกำจัดสิ่งแปลกปลอมออกได้โดยไม่เหลือตกค้าง โดยจะแบ่งออกเป็นสองวิธีย่อย ๆ ค่ะ
- วิธีแรก การปลูกถ่ายผิวหนัง คือการเอาผิวหนังหน้าท้อง ต้นขา หรือขาหนีบมาใช้ปลูกถ่ายจะช่วยให้ผิวเรียบคล้ายผิวเดิมของอวัยวะเพศเลย แต่อาจจะมีข้อเสียในเรื่องของการแข็งตัวของน้องชาย เนื่องจากผิวหนังส่วนที่นำมาปลูกถ่ายนั้นยืดขยายได้น้อยนั่นเองค่ะ
- วิธีที่สอง ใช้ผิวหนังจากลูกอัณฑะ ข้อดีก็คือมีความยืดหยุ่นมาก เนื่องจากผิวหนังส่วนนี้สามารถยืดขยายได้มาก แต่ข้อเสียก็คืออาจมีรอยย่นเนื่องจากเป็นผิวหนังส่วนอัณฑะนั่นเองค่ะ
ขั้นตอนการผ่าตัด
ก่อนเข้ารับการผ่าตัดแนะนำให้งดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการผ่าตัดค่ะ เนื่องจากการผ่าตัดนั้นมีเทคนิคการระงับความเจ็บปวดด้วยการวางยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ค่ะ ในส่วนของขั้นตอนการผ่าตัดนั้นมีอะไรบ้าง ไปดูพร้อมกันเลยค่ะ
อันดับแรกเลยศัลยแพทย์จะเริ่มระงับความเจ็บปวดด้วยการวางยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ก่อน จากนั้นจะเริ่มตัดผิวหนังที่ฉีดสารแปลกปลอมออกค่ะ หากในการรักษาศัลยแพทย์เลือกใช้เทคนิคที่ 1 ก็สามารถเย็บปิดแผลได้เลย หากเลือกใช้เทคนิคที่ 2 ก็จำเป็นต้องตัดผิวหนังจนถึงบริเวณโคนอวัยวะเพศ หรือเปิดแผลบริเวณถุงอัณฑะแล้วยกผิวหนังถุงอัณฑะมาปิดแผล จากนั้นใช้ไหมละลายในการเย็บปิดแผล ต้องบอกก่อนเลยว่าศัลยแพทย์จะเย็บปิดแผลด้วยความปราณีตเลยค่ะ เพื่อความสวยงามของรอยแผลหลังผ่าตัด
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดนั้นมีความสำคัญเช่นกันค่ะ หากคนไข้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดจะช่วยให้การผ่าตัดดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ไม่ก่อให้เกิดปัญหาระหว่างทำหัตถการอีกด้วยค่ะ ในส่วนของการเตรียมตัวก่อนผ่าตัดนั้นมีอะไรบ้าง ไปดูพร้อมกันเลยค่ะ
- อย่างแรกเลยคนไข้ต้องเตรียมตัวลางานอย่างน้อย 10-14 วัน เนื่องจากการผ่าตัดดังกล่าวจำเป็นต้องมีการพักฟื้นนั่นเองค่ะ
- ก่อนเข้ารับการผ่าตัดควรงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
- แจ้งประวัติโรคประจำตัว การแพ้ยา แพ้อาหาร รวมไปถึงยาที่จำเป็นต้องรับประทานเป็นประจำให้แพทย์ทราบโดยละเอียด
- งดวิตามิน อาหารเสริมทุกชนิดก่อนเข้ารับการผ่าตัดอย่างน้อย 14 วัน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงตัวยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดด้วยนะคะ
- ทำความะสอาดอวัยวะเพศโดยการโกนขนก่อนเข้ารับการผ่าตัดค่ะ
- แนะนำว่าให้เตรียมกางเกงหลวม ๆ มาใส่เพื่อลดการเสียดสีของบาดแผลค่ะ
- อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้ดี งดใส่เครื่องประดับทุดชนิดนะคะ
การดูแลหลังการผ่าตัด
การดูแลตัวเองหลังเข้ารับการผ่าตัดนั้นนับว่าป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญอย่างมากเลยนะคะ เนื่องจากหากคนไข้ดูแลตัวเองดีจะช่วยลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังเข้ารับการผ่าตัด นอกจากนี้ยังรวมไปถึงสามารถช่วยลดระยะเวลาในการพักฟื้นลงได้อีกด้วยนะคะ การดูแลตัวเองหลังเข้ารับการผ่าตัดนั้นมีอะไรบ้าง ไปดูพร้อมกันเลยค่ะ
- หลังจากเข้ารับการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว แนะนำว่าควรทำแผลวันละสองครั้ง เช้าเย็นนะคะ โดยใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำเกลือสำหรับล้างแผล เช็ดอย่างเบามือบริเวณปากแผล เพื่อทำความสะอาดแผล ช่วงแรกระวังอย่าให้แผลโดนน้ำนะคะ หากแผลโดนน้ำแนะนำว่าให้ซับให้แห้งอย่างเบามือเช่นกันค่ะ
- งดทำงานหนักในช่วง 10-20 วันแรก
- งดร่วมเพศอย่างน้อย 1 เดือนนะคะ
- หากพบว่ามีเลือดออกปริมาณมากให้รีบติดต่อแพทย์เพื่อทำการรักษา
- ต้องขอบอกก่อนนะว่าอาจพบว่ามีเนื้อตายบางส่วน อาจจะต้องตัดออกแล้วเย็บแผลใหม่อีกครั้งค่ะ
- รับประทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่ง แล้วเข้ามาพบแพทย์ตามใบนัดทุกครั้งเลยนะคะ